วันเสาร์ที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2562

[แชร์เรื่องเที่ยว] 9 ประสบการณ์ที่ได้จากไปเที่ยวยุโรป!



หลายคนมีประเทศที่อยากเที่ยวในใจอยู่ในทวีปยุโรปแน่นอน เราก็เป็นหนึ่งในนั้น โดยเวลาที่เราไปเที่ยวฝั่งยุโรป เรามักจะไปเที่ยวหลายๆ ประเทศ เนื่องจากความโลภอยากไปหลายที่ ก็ทำให้เราได้รู้อะไรหลายๆ อย่างค่ะ

มาดูประสบการณ์ต่างๆ ที่เราอยากแชร์ให้เพื่อนๆ อ่าน สำหรับคนที่เล็งๆ ว่าจะไปเที่ยวแถบยุโรป(เชงเก้น) และคนที่กำลังจะไปว่าควรเตรียมตัวอย่างไรก่อนไปเที่ยวค่ะ

1.ระบบตรวจรถไฟของแต่ละประเทศแตกต่างกัน ไม่ว่าจะบนดินใต้ดิน ในบางประเทศจะต้องมีตั๋วอย่างชัดเจนและต้องสแกนผ่านด่านเข้าสถานี แต่หลายประเทศในยุโรป ไม่มีด่านผ่านสถานี จะเดินขึ้นรถไฟไปเลยก็ได้ แต่ในบางขบวนก็จะมีผู้ตรวจตั๋วคอยเดินเช็ค ถ้าไม่มีตั๋วแล้วขึ้นรถไฟมา เจอคนตรวจก็ต้องจ่ายเงินในราคาที่สูงกว่าตั๋วมาก(ประมาณว่าบวกค่าปรับ) หรือบางคนไม่มีเงินก็โดนให้ลงป้ายหน้าค่ะ

และเวลาจะซื้อตั๋วรถไฟต่างๆ เดี๋ยวนี้ตู้เขาก็ไม่ค่อยรับเงินสดนะคะ ถ้าจะเงินสดอาจจะต้องเเดินไปซื้อที่ Information ทางที่ดีเตรียมบัตรเครดิตให้พร้อม แต่ตู้ที่บัตรเครดิตก็ต้องใช้ PIN เพื่ออนุมัติการรูดของเรา ทางที่ดีโหลดแอพของบริษัทรถไฟนั้นๆ เอาไว้ และซื้อตั๋วผ่านแอพโดยใช้บัตรเครดิตค่ะ เพราะซื้อผ่านแอพใช้ CVV หลังบัตรกับ OTP ที่ส่งเข้ามือถือเราอนุมัติค่ะ(มือถือก็ต้องมีโรมมิ่งอยู่นะคะ😅)



2.ช่วงเทศกาลอย่างคริสต์มาสหรือปีใหม่ทุกอย่างจะปิด หากอยู่ในไทยคริสต์มาสอาจไม่สำคัญเท่าปีใหม่ แต่ฝรั่งเขาถือว่าช่วงเวลานี้ตั้งแต่ 24-26 ธันวาคมนั้นเป็นวันหยุดของเขาเหมือนสงกรานต์บ้านเรา(ถามความคิด) ไม่ว่าจะอยู่เมืองไหน ร้านค้าและร้านอาหารจะปิดและบางร้านปิดเร็ว แม้กระทั่งบางโรงแรมยังปิดเลยค่ะ เพราะฉะนั้นควรดูเวลาว่าตรงกับช่วงนี้ไหม และจะทำอะไร ไปไหนบ้างถ้าสถานที่หรือบริการต่างๆ หยุดบริการ


3.บัตรเครดิตสำคัญมาก ที่ยุโรปไม่มีประเทศไหนไม่รับบัตรเครดิตค่ะ ยิ่งเป็นแถบสแกนดิเนเวียแล้ว มีคนบอกว่าถ้าเขาให้จ่ายเงินสดแปลว่าเข้าข่ายจะโกงได้เลยค่ะ เพราะแถบนั้นถ้าอยากเข้าห้องน้ำสาธารณะยังหยดเหรียญไม่ได้เลย ต้องรูดบัตรอย่างเดียวเท่านั้น ที่สำคัญคือไม่จำกัดขั้นต่ำในการรูดบัตรค่ะ จะซื้อน้ำขวดเดียว 40 บาท ก็รูดบัตรได้เลย(แต่เราต้องเสียค่ารูดบัตรนะ😂)


4.อย่าไว้ใจคนที่นั่น ไม่ได้จะบอกว่าคนยุโรปไม่ดี แต่จะบอกว่าคนไม่ดี ก็มีอยู่ทุกที่ ยิ่งเราๆ เป็นนักท่องเที่ยวหน้าตาไม่เหมือนฝรั่งสักนิด ฝรั่งเดาอยู่ไม่กี่ประเทศค่ะว่าเราอาจจะมาจากจีน เกาหลี ญี่ปุ่น เป็นหลัก หมายความว่าคนมาเที่ยวต้องมีตังค์พอควร และอาจมาเที่ยวแบบไม่รู้อะไร ไม่สนใจอะไรเพราะมาเที่ยวสนุก

แต่! การโกงค่าเงิน จ่ายไม่ครบ มีบ่อยพอควรค่ะ ของเราเจอที่ประเทศเช็กค่ะ ปกติประเทศนี้มีสกุลเงินคือ โครูน่าเช็ก แต่เรามียูโรเพราะมาจากเยอรมันที่ใช้ยูโร และเห็นว่าที่เช็กบางร้านค้าหรือร้านอาหารก็รับยูโร เลยขอจ่ายเป็นยูโร แต่เวลาทอนเขาจะทอนเป็นโครูน่า โดยร้านอาหารที่เราไปกินจะมีเรทบอกว่าจากยูโรเป็นโครูน่าเท่าไหร่ แต่ตอนทอน เงินทอนกลับหายไปเป็นพันบาทได้ เลยยืนเช็คบิลจิ้มเครื่องคิดเลขให้พนักงานดูตรงนั้นเลย แล้วเขาก็บอกขอโทษ และคืนเงินมา(ขาดไปเยอะเชียวนะ😤)

และอีกครั้งที่เช็ก เรากำลังหาทางไปที่พักก็มีลุงขับแท๊กซี่บอกจะไปไหน เราก็บอกๆ ไป เขาบอกขอตังค์เท่านี้....แล้วจะพาไป แต่ท่าทางดูเมาๆ เลยเดินหนีออกไป

พอมาที่ตุรกี เจอโกงตั้งแต่สนามบินเลย ตอนนั้นเราจะแลกเงินจากยูโรเป็นลีร่า เราให้แบงค์ 50 ยูโร ไป 1 ใบ และหยิบอีก 50 ยูโรให้อีก 1 ใบ รวมเป็น 100 ยูโร แต่พนักงานแลกให้ 50 ยูโร แล้วให้ใบเสร็จมา เราก็เอ๊ะทำไมเงินดูน้อยๆ ดูในใบเสร็จบอกแค่ 50 ยูโร เลยต้องทวงอีก 50 ทีนี้มีเศษแค่ 0.1 เราจะทวงเลย ไม่ต้องมาปัดทิ้งเลยนะ เขี้ยวหนักกว่าเดิม😤😂

มีอีกครั้ง(ยังไม่จบ)ที่เยอรมัน อันนี้เราไม่รู้จริงๆ ว่าเป็นธรรมเนียมหรือเป็นการมัดมือชก ไปกินข้าวในร้านอาหาร พอขอบิล สมมติว่าต้องจ่าย 97 ยูโร จ่ายไป 100 พนักงานบอกที่เหลือเป็นทิปละกัน หยิบเศษเก็บเข้าตัวไป อ่าว ขออย่างนี้ก็ได้หรอ?

นอกจากการโกงแล้ว การขโมยของก็ควรระวังนะคะ ในที่คนเยอะๆ เสี่ยงมาก ขนาดสวิสเซอร์แลนด์ที่ว่าปลอดภัย ยังมีมารูดกระเป๋าเราเลย(ไม่รู้แกล้งหรือจงใจ) แต่ไม่ได้อะไรไป


5.การจองตั๋วเครื่องบินในเขตเชงเก้นสำคัญ เพิ่งโดนมาแบบไม่ตั้งตัวและไม่ได้นึกถึงเลยค่ะ โดยปกติแล้วไม่ว่าเราจะเดินทางไปประเทศอื่นในเชงเก้นด้วยรถไฟ รถบัส หรือรถ หากมีวีซ่าแบบ Single หรือเข้าเขตเชงเก้งได้ 1 ครั้ง เราสามารถไปประเทศไหนก็ได้ในเชงเก้น แต่เดินทางด้วยเครื่องบินนั้นต่างไป ต้องมาเช็คกันก่อนซื้อด้วยว่าเรามีวีซ่าแบบไหน ถ้าเป็นแบบ Multi ก็สบายๆ จะเข้าออกเชงเก้นกี่ครั้งก็ได้แต่ตามวันที่กำหนด แต่ถ้าเป็นแบบ Single ต้องระวังให้ดี!

หากจะบินจากโรม อิตาลี ไป ปารีส ฝรั่งเศษ แต่ใช้สายการบินที่อยู่นอกเชงเก้น(ถือว่าเป็น Transit) สายการบินจะไม่อนุมัติให้เราขึ้นเครื่อง เพราะเขาดูที่ปลายทางเป็นหลัก ถ้าใช้สายการบินฝั่งเอเชียหรือทวีปอื่น แต่จะนั่งแค่จากอิตาลีไปฝรั่งเศสก็ทำไม่ได้นะคะ เพราะฝรั่งเศสไม่ใช่ปลายทางที่แท้จริง มันหมายถึงว่าคุณจะออกจากเขตเชงเก้นแล้วกลับเข้ามาใหม่ มีคนอธิบายมาว่าเพราะ gate ของสายการบินนอกเชงเก้นต้องผ่าน ตม. ก่อน ขณะที่สายการบินของกลุ่มเชงเก้นไม่ต้องผ่าน ตม. ขึ้นได้เลย (ซึ่งเป็นอย่างนั้นจริงๆ) ต้องมีวีซ่า Multi ถึงจะขึ้นได้

เวลาซื้อตั๋วอย่าดูแค่ต้นทางและปลายทางบนหน้าเว็บนะคะ ดูด้วยว่าเป็นสายการบินของเขตเชงเก้นไหม ถ้าไม่ก็ห้ามซื้อเด็ดขาดค่ะ! ไปซื้อของสายการบินประเทศที่เราจะเดินทางออกหรือเข้าดีกว่าค่ะ เซฟที่สุด ไม่ใช่ว่าเห็นตั๋วสายการบินบริทติชอยู่ในยุโรปก็จะซื้อนะคะ ไม่มีวีซ่า UK ก็โดนไล่ไปซื้อใหม่ค่ะ(ถ้ามีก็โอเค)


6.พกกระเป๋าผ้าหรือถุงพลาสติกขนาดกลางไปด้วย ถ้าเข้าซุปเปอร์มาเก็ตหรือซื้อของตามร้านค้าส่วนใหญ่เขาจะไม่ให้ถุงเรานะคะ ไม่ก็ต้องซื้อค่ะ แต่ละร้านราคาถุงถูกแพงต่างกันด้วย ทางที่ดีพกถุงพลาสติกหรือกระเป๋าผ้าไปง่ายดีค่ะ


7.ทุกอย่างต้องทำเอง แต่ละประเทศมีระบบ Self-service หลากหลายบริการมาก ที่เจอบ่อยสุดในยุโรปคือระบบสแกนโค้ดซื้อของเอง คือจะมีแท่นเค้าเตอร์สแกนบาร์โค้ดสินค้าตามซูปเปอร์ เรียงรายอยู่ แล้วเราสามารถเดินไปสแกนเอง จ่ายตังค์เอง(เงินสดหรือบัตรเครดิต) จากนั้นใส่ของที่ซื้อใส่ถุงเอง แล้วเดินออกไป บางที่จะมีคนคอยช่วยเหลือหากติดขัดอะไร แต่บางที่ก็ไม่มีคนดูเลย ทำเองละกัน😁

บริการที่ต้องทำเองถัดมาล้ำไปอีกคือ Check-in และ Check-out ด้วยตัวเอง ง่ายๆ คือกรอกชื่อแล้วค้นหา พอรายละเอียดขึ้นกด Check-in แล้วเอาการ์ดที่อยู่ในกล่องมาวางกับตัวส่งข้อมูลเข้าบัตร แล้วก็เดินไปสแกนเข้าห้องพักได้ ตอนออกก็วิธีเดียวกัน วิธีนี้คือแบบที่เจอมา อาจมีวิธีอื่นอีก ง่ายๆ เนอะ แต่เราทำแล้วช้าไงไม่รู้ เดินไปหาพนักงาน 1 ก้าวแล้วขอเช็คอินง่ายกว่า ฮ่าๆ😂

การขึ้นเครื่องบินภายในประเทศและประเทศอื่นในเชงเก้นก็ทำเอง ตั้งแต่ Check-in โหลดกระเป๋าและขึ้นเครื่อง โดยจะเช็คอินผ่านตู้ที่ตั้งไว้มากมายในสนามบิน เช็คอินเสร็จจะได้ Boarding Pass และ Tag ติดกระเป๋า(สำหรับคนโหลดกระเป๋า) ติดแท็กกระเป๋าแล้วเอากระเป๋าไปวางบนสายพาน ชั่งน้ำหนักแล้วสแกนโค้ดบนแท็ก ผ่านปุ๊บ กระเป๋าเราก็จะโดนเลื่อนไปตามสายพานเพื่อเอาขึ้นเครื่อง จากนั้นตอนจะขึ้นเครื่องก็ไม่ได้มีคนตรวจอะไร แค่มาเปิด gate ยืนคุมและเราก็ใช้ Boarding Pass สแกนขึ้นเครื่องเอง จบ!👏

การเติมน้ำมันก็ต้องทำเองเช่นกัน หลายคนคงรู้ว่าฝรั่งเขาให้เติมเอง เราก็รู้แต่ตอนแรกที่ลองเติมไป อ่าว ไม่มีระบุจำนวนเงินหรือกดเต็มถังออโต้แบบบ้านเรา เดินเข้าไปในมินิมาร์ทขอให้พนักงานช่วยเติม หน้าเหวี่ยงเลยจ้า ประมาณว่ามาใช้ทำไม สรุปกดคันโยกที่หัวปั๊มไปเรื่อยๆ จนกว่าจะพอใจ...ก็ที่เคยเห็นเขาบอกว่าให้กดครั้งเดียวนิ ถ้ากดหลายรอบมันจะจ่ายน้ำมันมาอีก

อีกอย่างที่ต้องทำเองและก็งงๆ คือวิธีการรับรถเช่า โดยปกติพนักงานจะต้องอธิบายการเช่ารถและพาไปที่รถไปตรวจรถว่ามีรอยเก่าอยู่ตรงนี้ๆ นะ...แต่ไปมาที่นอร์เวย์(ไม่รู้ประเทศอื่นเป็นไหม) พนักงานยืนอยู่ที่เค้าเตอร์อธิบายทุกอย่างที่เค้าเตอร์นั้น แต่บอกว่ารถไม่มีรอยใดๆ ไปตรวจเอง แนะนำให้ถ่ายรูปรอบรถเป็นหลักฐานก่อนขับออก แล้วชี้ว่ารถจอดอยู่ตรงนู้น แล้วก็แต้งกิ้วปิดเค้าเตอร์เดินหายไปเลย เร็วดี ฮ่าๆ😄 ตอนส่งรถง่ายกว่าจอดรถที่เดิมแล้วหย่อนกุญแจรถไว้ที่ตู้ จากนั้นจะไปไหนก็ไป เดี๋ยวมีบิลทวงหนี้ตามมา ถ้ารถเป็นรอยหรือเสีย(สำหรับไม่มีประกัน 0 excess) แต่ให้ดูเรื่องเวลาเปิด-ปิดเช่าด้วยนะคะ บางประเทศบางที่มีคิดเงินเพิ่มสำหรับขอเช่านอกเวลาทำการนะคะ เดี๋ยวจะงงว่ามีค่าอะไรชาร์ตเพิ่มมา


8.ใช้ระบบไว้ใจ ข้อนี้มีข้อ 1 โยงมาคือบางประเทศไม่มีคนตรวจตั๋วรถไฟ รถบัส ไม่ใช่ไม่ตรวจหรอก แต่เขาสุ่มเอา ยิ่งรถบัสนี่ไม่ค่อยตรวจเลย เพราะเขาคิดว่าถ้าเห็นว่าใครพยายามโกงก็ปรับหนักเลย

นอกจากเรื่องตั๋วรถไฟแล้ว ระบบโรงแรมก็เป็นคือปกติในโรงแรมจะมีเค้าเตอร์บาร์ที่มีขนมและน้ำดื่ม(แบบต้องซื้อ) อยู่ในตู้เย็นของห้องที่เข้าพัก เวลาเช็คเอ้าท์เขาก็ถามตรงๆ เลยว่าได้กินหรือดื่มอะไรในนั้นไหม ถ้าไม่ก็เช็คเอ้าท์เสร็จเรียบร้อย ง่ายปะละ😆


9.น้ำเปล่ามี 2 ประเภท ไปเที่ยวเองแรกๆ งงว่าทำไมดื่มน้ำเปล่าแล้วมันซ่าๆ เหมือนโซดา นึกว่าสั่งน้ำผิด แต่ที่จริงแล้วที่นู่นเขามีน้ำเปล่า 2 แบบคือน้ำเปล่าธรรมดา เขาเรียกว่า Still หรือ Without gas ส่วนอีกแบบคือน้ำเปล่าที่อัดแก๊สเหมือนโซดา เรียกว่า Sparkling , Gas หรือ With gas ตามแต่ละที่เรียก และส่วนใหญ่ฝรั่งจะชอบดื่มน้ำเปล่าอัดแก๊ส คงเพราะมันซ่าๆ ดี แทนน้ำอัดลมก็ได้😀

หวังว่าจะเป็นประโยชน์ให้กับคนที่เริ่มเที่ยวยุโรปหรือกำลังจะไปเที่ยว และเรื่องต่างๆ ที่เล่ามานี้คือประสบการณ์ที่เราเจอ บางคนอาจบอกว่าไม่เจอหรือบางคนบอกว่าเจอหนักเจอแปลกกว่านี้ แล้วแต่คนจริงๆ เลยเอามาแบ่งปันกัน
ตอนนี้คิดได้ 9 ข้อ แต่จริงๆ ยังมีอีก ถ้าคิดออกแล้วจะมาเขียนเป็นตอน 2 นะคะ😁

เขียนวันที่ 12/1/2562

อัพเดตเรื่องเล่าล่าสุด

[รีวิวเที่ยว] ตอน 3 (จบ) : หาด Unstad ในฤดูหนาว | เที่ยวนอร์เวย์ | เที่ยวยุโรป

ต่อจาก ตอน 2  ในวัดถัดมา ก็มีแผนที่จะไปหาด Unstad ที่อยู่ห่าง Leknes ประมาณ 20 กว่ากิโลเมตร แล้วเราก็ไปที่เดียวเลย ไปที่เที่ยวอื่นไกลมาก...